วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

[YangFeng Fan-fiction] คุณชายหยางหยาง VS อาจารย์อี้เฟิง - 01

คุณชายหยางหยาง VS อาจารย์อี้เฟิง - 01


Pairing : YangFeng 


Note : ... อย่าตบหนูนะคะ.... 





เนื้อหาเกี่ยวกับ ชาย X ชาย นะคะ ถ้าไม่ชอบแนะนำให้กดออกไปเลยค่ะ 





ท่ามกลางสนามบินอันพลุกพล่านของท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ที่ลายล้อมไปด้วยนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ชายหนุ่มราวสิบคนในชุดสูทสีดำกำลังยืนกระจายอยู่รอบๆสนามบิน โดยที่ทุกคนล้วนพกเครื่องมือสื่อสารขนาดเล็กที่ทันสมัย และอุปกรณ์ป้องกันตัวที่ทันสมัย นอกจากนั้นทุกคนยังพร้อมใยกันใส่แว่นดำ ราวกับไม่ต้องการที่จะเปิดเผยตัวตนอีกด้วย




(คุณชายลงมาจากเครื่องบินแล้ว...กำลังรอโหลดกระเป๋า)




เสียงดังขึ้นจากในวิทยุสื่อสารทำให้บรรดาชายในชุดสูททั้งหลายรีบสแตนบายในที่ของตนเองทันที





รอเพียงชั่วอึดใจ เจ้าของใบหน้าหล่อในชุดเสื้อโค๊ททันสมัยก็เดินออกมาจากภายในเกต ใบหน้าคมคายที่ทำให้ทุกคนบริเวณนั้นถึงต้องหันมองอย่างช่วยไม่ได้กำลังมองตรงไปข้างหน้า บวกกับท่าเดินที่ดูสง่า ทำให้มีเสียงกระซิบตามมาอย่างช่วยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร





แต่เมื่อทันทีที่สังเกตเห็นตราเข็มกลัดที่ติดอยู่ตรงหน้าอกของชายในชุดสูทที่อยู่ด้านหลังแล้ว เสียงกระซิบกระซาบก็ยิ่งดังขึ้นกว่าเดิมเข้าไปอีก เนื่องจากตรานั้นเป็นตาของบริษัทที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าของธุรกิจรายใหญ่ของจีน มีอำนาจทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง แทบจะเรียกได้ว่าเป็นมาเฟียตัวเป๋งดีๆนี่เอง





แต่แม้ว่าเสียงพูดถึงจะดังขนาดไหนนั้น ก็ไม่ทำให้เจ้าของใบหน้าหล่อรู้สึกอะไรขึ้นมาได้ นอกจากใบหน้าที่ยิ้มบางๆเท่านั้น





"คุณชายหยางหยางครับ...เสียงเรียกจากชายในชุดสูทสีดำเอ่ยเรียกพลางโค้งตัวให้เล็กน้อย "กระผมมีนามว่าหลวนชุน เป็นหัวหน้าบอดี้การ์ดที่คุณท่านแต่งตั้งไว้ให้ดูแลคุณชายที่นี่ครับ.."




"งั้นหรอครับ...คนที่ถูกเรียกว่าหยางหยางยิ้มรับบางๆ "งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ...."




"เชิญคุณชายทางนี้เลยครับ..พูดจบก็ผายมือไปยังรถลีมูซีนที่ถูกจอดอยู่ไม่ไกล และนั่นเองที่ทำให้ผู้เป็นนายต้องถอนหายใจออกมา




"มีรถเล็กๆ ธรรมดามั้ย?" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม พลางมองไปรอบๆ
แท้จริงแล้วเขาไม่ต้องการเป็นจุดสนใจเท่าไหร่นัก....แต่ด้วยความที่ว่าเกิดในตระกูลนี้ การห้ามการโดนจ้องมองและเข้าหานั้นคงเป็นไปได้ยากมาก




"ขอโทษครับคุณชาย...พอดีมีแต่รถคันนี้...คำตอบที่ได้รับกลับมาทำเอาหยางหยางถึงกับต้องถอนหายใจออกมา ก่อนที่ขายาวๆนั้นจะก้าวเดินไปขึ้นรถหรูที่มีบรรดาบอดี้การ์ดเปิดประตูรอไว้อยู่แล้ว




หลังจากที่รถออกตัวมาได้ไม่นาน หยางหยางก็ได้ยินเสียงของหลวนชุนดังเข้ามาในห้องโดยสารของตน ซึ่งก็พูดเกี่ยวกับสิ่งต่างๆมากมาย จนคนที่นั่งฟังอยู่อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจอย่างหน่ายๆ





การที่โดนเรียกกลับมาจีน อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้เขาเบื่อที่สุดก็ได้ เขาไม่ชอบวิถีชีวิตที่ต้องปกครองคนมากมายเท่าไหร่...แท้จริงแล้วเขาก็ไม่อยากทำด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าเขาเป็นลูกคนเดียว แล้วพ่อและแม่ของเขาเพิ่งประสบอุบัติเหตุทางเครื่องบินจนเสียชีวิตเมื่อเดือน เขาคงไม่ต้องกลับมาจากอเมริกาเร็วกว่ากำหนดแบบนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะจบปริญญาเอกเร็วกว่ากำหนด แต่เขาก็ยังอยากจะเที่ยวเล่นก่อนซักพักล่ะนะ..





"ส่วนเรื่องการรับเข้าตำแหน่งแบบเต็มรูปแบบ....ของคุณชาย และเรื่องการแต่งงานตามพินัยกรรมที่คุณผู้ชายได้เขียนไว้....ประโยคล่าสุดทำให้คนที่ตกอยู่ในภวังค์กลับมาสนใจฟัง ถึงแม้ว่าเขาจะรู้รายละเอียดคร่าวๆว่า คนที่จะมาแต่งงานกับเขาเป็นลูกของเพื่อนสนิทที่ฐานะแตกต่างราวฟ้ากับเหวของพ่อ แถมถ้าเขายังจำไม่ผิด....อีกฝ่ายยังคงเป็นรักแรกสมัยเด็กของเขาอีกด้วย
รอยยิ้มสดใสที่เด่นชัดอยู่ในความทรงจำ แม้ใบหน้าจะเลือนลางไปบ้าง แต่กระนั้นเขาก็อดไม่ได้ที่จะใจเต้นทุกครั้งที่นึกถึง



"ทางตระกูลหลี่ได้ตกลงมาเรียบร้อย โดยที่คุณชายจะได้พบตัวเจ้าสาวที่งานแต่งเลยนะครับ..."




"โดยที่งานแต่งงานจะจัดขึ้นในอีกหนึ่งอาทิตย์ให้หลังนะครับ..."




"อืม.....หยางหยางกดเปิดไมค์ตอบรับเป็นการรับรู้ ก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุมพื้นที่ห้องโดยสารด้านหลังไปตลอดทาง





**********



ปึก!



เสียงวางกองเอกสารขนาดใหญ่ลงบนโต๊ะ พร้อมกับเสียงถอนหายใจจากเจ้าของใบหน้าหวาน ริมฝีปากคู่สวยพ่นลมหายใจออกมาอย่างรู้สึกเหนื่อยล้า



ก่อนที่จะมีหนังสือเล่มบางๆตบลงเบาๆลงบนผมสีน้ำตาลนั้นเบาๆ




"เป็นอะไรไป อาจารย์อี้เฟิง ดูเหนื่อยๆนะเสียงทักจากอาจารย์รุ่นพี่อย่างเฉินเหว่ยถิงเอ่ยถามรุ่นน้องผู้เพิ่งมาเป็นอาจารย์ฝึกหัด ทั้งๆที่เจ้าตัวยังเป็นนักศึกษาปริญญาโทอยู่



"ช่วงนี้เด็กดูดื้อๆน่ะครับ พี่เหว่ยถิง...เสียงหวานตอบพลางดันแว่นให้เข้าที่



"ไม่ใช่เพราะนายหน้าตาดีเกินไปจนนักเรียนทั้งห้องเอาแต่จ้องหน้านายหรือไง...รุ่นพี่เอ่ยแซว



"หึ..รุ่นพี่อย่าเอาความจริงมาพูดเล่นแบบนี้สิครับก่อนที่หลี่อี้เฟิงจะหัวเราะออกมาเบาๆ



"ฮ่าๆ นายนี่มันหลงตัวเอง สมที่เป็นเดือนมหาลัยจากคณะนิเทศตอนป.ตรีจริงๆ"




"ก็คนมันหล่อจริงๆนี่ครับ.."



"โอเคๆ ฉันไม่เถียงนายแล้วเหว่ยถิงยกมือยอมแพ้ "แต่ก็ว่าก็ว่าเถอะ ทำไมช่วงนี้นายดูเหม่อๆ มีเรื่อง.ห้คิดเยอะล่ะสิ..."



"ฮะๆ ก็พอตัวล่ะครับ...อี้เฟิงตอบ พลางคิดถึงเรื่องที่ตนเพิ่งได้คุยกับแม่ของตนมาเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องคำสั่งเสียของพ่อที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน



คำสั่งเสียที่ทำให้เขาต้องแต่งงานกับลูกเพื่อนสนิทของพ่อ....เพราะคำสัญญาที่สัญญาไว้ตั้งแต่ก่อนเขาเกิด

แถมคนที่เขาต้องแต่งงานด้วยยังเป็นคนที่เขาเคยเห็นหน้าแค่ตอนเด็กเนี่ยนะ....



ถามว่าจำได้มั้ย
ตอบเลย ไม่ได้หรอก ก็ตั้งแต่เด็กๆเขามีสาวๆเข้ามาคุยด้วยมากมายจะไปจำได้ยังไงล่ะ... แน่นอน สาเหตุที่สาวๆเข้ามามากมาย เพราะเขาหน้าตาดีแต่เด็ก



และงานแต่งงานนั้นดันกระชั้นชิดมาก....จนเขาตั้งตัวไม่ทัน...แต่ก็นะ ทำยังไงได้ล่ะ จะให้หอบผ้าหอบผ่อนไปต่างประเทศตอนนี้ก็ไม่ได้ จะให้ไปต่างจังหวัดก็ไม่ไหว เพราะใบปริญญาใบที่สองกำลังค้ำคออยู่เนี่ยสิ... ค่าเรียนก็ตั้งแพง กว่าจะได้มาก็ลำบาก กะอีแค่ผู้หญิงคนเดียวมาแต่งงานด้วย จะให้มาขัดขวางใบเพิ่มเงินเดือนเขาไม่ได้หรอกนะ!




"...เฟิง...อี้เฟิงผู้เป็นรุ่นพี่เอ่ยเรียกอีกครั้ง ทำให้เจ้าของชื่อได้สติ



อะไรหรอครับพี่เหว่ยถิง..




ท่าทางนายดูเหนื่อยๆนะ ไปพักก่อนมั้ยเอกสารพวกนี้ไว้ค่อยจัดการก็ได้นี่




อ่า...นั่นสินะครับ..” จะว่าไปอี้เฟิงก็รู้สึกคิดมากมาหลายวันแล้วตั้งแต่รับรู้เรื่องงานแต่งงาน จนตอนนี้เหลือเวลาเพียงไม่ถึงอาทิตย์เท่านั้น




คิดแล้วก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาแบบแปลกๆ รู้สึกว่าปีนี้จะไม่ใช่ปีชงของเขา แถมช่วงต้นปีเขาโดนทักว่าจะโชคดีตลอดทั้งปี...เห็นว่าคงจะเชื่อไม่ได้แล้วล่ะมั้ง...





งั้นก็กลับบ้านดีๆนะ อาจารย์อี้เฟิงคนเก่ง..” ผู้อาวุโสกว่าพูดพลางลูบศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยผมสีน้ำตาลเบาๆ




หวังว่าเจ้าสาวของเขาจะอ่อนโยนได้ซักครึ่งของพี่เหว่ยถิงนะ.....





เจ้าของใบหน้าหวานเก็บของทั้งหมดลงกระเป๋า ก่อนที่จะก้าวเดินออกมาจากห้องพักอาจารย์ เพื่อที่จะกลับบ้าน




"เอ๊ะ...นักศึกษาอี้เฟิง...ไม่สิ อาจารย์อี้เฟิง" เสียงเรียกจากคณบดีที่กำลังเดินอยู่ตรงหน้าเอ่ยเรียก ทำให้เจ้าของชื่อต้องเงยหน้ามองอย่างช่วยไม่ได้ และก็พบว่านอกจากคณบดีผู้เป็นเสมือนหนึ่งในเจ้านายตนแล้ว ยังมีชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดสูทสุดหรูอยู่อีกคนหนึ่ง




"อ้าว สวัสดีครับ..." อี้เฟิงเอ่ยทักทายเฉกเช่นปกติ และค่อนข้างจะแปลกใจที่เห็นอีกฝ่ายในเวลานี้ เนื่องจากส่วนใหญ่จะพบในตอนเช้าเท่านั้น




"ยังเป็นเด็กดีไม่เปลี่ยนเลยนะ....เออ...ใช่...นี่คุณหยางหยางครับ....นี่อาจารย์อี้เฟิง นักศึกษาปริญญาโทควบตำแหน่งอาจารย์"




"ยินดีที่ได้รู้จักครับ...อาจารย์อี้เฟิง..." เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากเจ้าของใบหน้าหล่อในชุดสูท พร้อมกับรอยยิ้มบางๆที่ทำให้อี้เฟิงแอบรู้สึกหมั่นไส้อีกฝ่ายในใจ




คนบ้าอะไรวะทำตัวยังไงก็ดูหล่อ...แม่ง...บังอาจมาหล่อแข่งกับเขาได้ยังไง




อาจารย์หนุ่มยิ้มรับอีกฝ่ายบางๆ "ครับ...ยินดีที่ได้รู้จัก แต่จริงๆไม่ต้องเรียกผมว่าอาจารย์ก็ได้นะครับ..อายุเราก็ไม่น่าจะต่างกันมาก..."




"อ่า....งั้นผมเรียกว่าพี่อี้เฟิงแล้วกันนะครับ..." เจ้าของเสียงทุ้มบอก ทำเอารอยยิ้มของอี้เฟิงเปลี่ยนเป็นยิ้มแห้งๆ
นี่หน้าตูแก่ขนาดไม่ถามอายุแล้วโดนเรียกพี่เลยหร๊อ...




"ฮ่าๆ ไม่ต้องทำหน้าคิดว่าตัวเองแก่กว่าเลยหรอ ใส่คุณหยางหยางเลย เขาเด็กกว่านายอยู่แล้วน่ะ" คณบดีบอก อย่างรู้ใจจนบางทีอี้เฟิงก็แอบคิดไม่ได้ว่าอักฝ่ายต้องเป็นพยาธิในท้องตนแน่ๆถึงมารู้ความคิดกันได้




"อ่า...ลำบากใจที่จะให้ผมเรียกว่าพี่หรือเปล่าครับ? งัเนผมเรียกคุณอี้เฟิงก็ได้นะครับ..."




"เอ้ย! ไม่ๆๆ ไม่เป็นไรครับๆ เรียกพี่อี้เฟิงก็ได้ ผมไม่ถือ" เจ้าของชื่อรีบบอก




"ดีแล้วๆ สนิทกันไว้นะ เพราะดูว่าจะได้ร่วมงานกันอีกนาน.."




"ครับ..." อี้เฟิงตอบรับ พลางจ้องสำรวจชายหนุ่มในชุดสูทอีกครั้ง




ถ้าหมอนี่มาสอนเรทติ้งในคณะของเขาต้องตกลงแน่ๆ หมายเลข ม่ายยยยยยย




"อ๊ะ เหมือนจะได้เวลาแล้วล่ะ ไปกันเถอะ..." คณบดีหันมาบอกคนที่อยู่ข้างตัว ซึ่งเจ้าของใบหน้าหล่อก็พยักหน้ารับเบาๆ




"ไว้เจอกันนะครับ..." หยางหยางหันมาบอกก่อนที่จะเดินตามหัวหน้าของอี้เฟิงไป
อี้เฟิงได้แต่มองตามทั้งคู่ไปแบบงงๆ ก่อนที่จะหลุดถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เมื่อนึกถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมาได้




กลับบ้านดีกว่า....




คิดได้ดังนั้นก็รีบก้าวไวๆออกจากคณะทันที




**********


จะว่าไปเวลามันก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ...หลี่อี้เฟิงจำได้ว่า เกือบทุกคนพูดว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปด้วยความรวดเร็วเสมอ...และกว่าจะผ่านเวลาแต่นาทีแห่งความทุกข์ยากไปนั้นช่างยาวนาน... ทั้งๆที่ภายในช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนเวลาโดนจับคลุมถุงชนนั้น เจ้าของใบหน้าหวานก็ไม่ได้รู้สึกถึงความสุขมากเท่าไหร่ แต่ทำไมเวลาถึงกลับมาผ่านไปรวดเร็วอย่างนี้

ในตอนแรกเขายังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก เพราะเนื่องจากว่าตื่นมาตอนเช้าก็ได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าห้อง และพอเปิดออกไปก็พบชายหนุ่มในชุดสูทจำนวนมาก กำลังทำความเคารพอย่างนอบน้อม แล้วเขาก็ถูกจับมายังห้องแต่งตัวที่ประหนึ่งเป็นสถานที่รวมตัวของช่างแต่งหน้า ทำผมมือหนึ่ง ที่พร้อมใจกันละเลงทุกอย่างลงบนตัวเขา แถมยังจับเขาใส่ชุดเจ้าสาวที่ถูกตัดด้วยเนื้อผ้าชั้นดีแบบจีนโบราณอีกซะด้วย




อี้เฟิงได้แต่ทำเสียงฮึดฮัดและนั่งรออยู่นิ่งๆ พลางคิดเล่นๆว่า ท่าทางเจ้าสาวของเขาจะแสบไม่ใช่น้อย..เพราะว่าถ้าจับให้เขามาแต่งเป็นผู้หญิงแบบนี้ อีกฝ่ายต้องแต่งตัวเป็นผู้ชายแน่ๆ แถมพ่อแม่อีกฝ่ายก็คงวัยรุ่นมาก ขนาดที่ว่าให้ลูกสาวของตนเล่นพิเรนๆได้ถึงขนาดนี้



และตลอดทั้งวันนั้นเขาก็ยังไม่ได้ยินว่าที่เจ้าสาวของเขาพูดอะไรซักคำ นอกจากการทำความเคารพได้ยินเพียงแค่เสียงทุ้มต่ำแบบผู้ชายเท่านั้นที่คอยหันมาถามว่าเหนื่อยมั้ย ท่าทางสาวน้อย(ที่คิดว่าน่ารัก)ของเขาจะไม่ค่อยชอบพูดล่ะมั้ง...




แต่...เขาก็ไม่รู้นะว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า...ว่าเสียงของคนที่คอยถามน่ะ ดูคุ้นหูอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนน่ะนะ...




อันที่จริงก็อดสงสัยไม่ได้ว่าใครกันที่คิดวิธีแต่งงานแบบนี้ขึ้น...แต่ก็ว่าแหละมันก็ดูสบายดี อีกทั้งการที่เจ้าของใบหน้าหวานมาอยู่ในชุดเจ้าสาวแบบปิดหน้าก็ถือว่าเป็นผลดีต่อเขาแหละนะ เพราะอย่างน้อยก็สามารถปกปิดเรื่องที่เขาแต่งงานแล้วแบบสบายใจ และไม่ต้องกลัวว่าความจะแตกไป




"เฮ้อ..." คนที่อยู่ในชุดเจ้าสาวถอนหายใจออกมาเล็กน้อยหลังจากรู้ว่าพิธีจบแล้ว วันนี้ทั้งวันหลังจากที่โดนลากออกมาแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จแล้วเขาก็ยังไม่ได้มองหน้าใครจริงๆจังๆเลย แถมยังรู้สึกรำคาญชุดแต่งงานแบบจีนโบราณนี้จนอยากจะถอดและเขวี้ยงทิ้งมากๆซะด้วย



แต่เอาจริงๆวันนี้เกือบทั้งวันอี้เฟิงแทบไม่ต้องทำอะไรเลย นอกจากมองปลายเท้าคนที่มายืนอยู่ข้างหน้าตนและโค้งคำนับให้เบาๆ แค่นั้นจริงๆนะ 




เอาเถิด...อย่างน้อยก็จบพิธีแล้ว...นอกจากจะได้พักผ่อนแล้วเขายังจะได้เห็นหน้าตาของเจ้าสาวที่เขาโดนจับแต่งงานด้วยแล้วสินะ...



"เหนื่อยมากมั้ย..." เสียงทุ้มต่ำยังคงเอ่ยถามอย่างเช่นเดิม จนอี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมาว่าทำไมเจ้าของเสียงนี้ถึงยังมาอยู่ในห้องหอได้




หรือว่าเจ้าสาวของเขาจะเป็นผู้หญิงเสียงแมน!!!



"ขอโทษนะ..แต่อึดอัดหรือเปล่า...เดี๋ยวฉันช่วยถอดให้นะ.." คำถามยังคงดังขึ้นพร้อมกับแรงที่มาขยับผ้าปิดหน้าเบาๆ ซึ่งอี้เฟิงก็นั่งนิ่งๆให้อีกฝ่ายถอดให้ดีๆ




อี้เฟิงนั่งจ้องผ้าคลุมหน้าที่ถูกถอดออกไปอย่างช้าๆ ก็พยายามที่จะมองหาเจ้าสาวของตน แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้ากับเป็นใบหน้าหล่อๆแทนซะอย่างนั้น




โครม!!!




และก่อนความคิดสิ่งอื่นใด คนที่อยู่ในชุดเจ้าสาวมาทั้งวันก็ถีบโครมเข้าให้แบบเต็มแรง




"ทำไมถึงเป็นนายล่ะหยางหยาง! /ทำไมถึงเป็นพี่ล่ะครับ พี่อี้เฟิง"









---------------------------2BC-------------------------

2 ความคิดเห็น:

  1. โอ้ยยย!! น่าสนุกมากค่าาา เปิดมาแบบ เราแถบลงไปกลิ้งขำก๊ากกะฉากเจอหน้ากันของเจ้าบ่าวเจ้าสาว(?)จริงๆ 555 ชอบๆๆๆ

    ตอบลบ
  2. สรุปว่าต่างคนต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงสินะคะเนี่ย 55555
    แล้วเข้าหอแล้วจะยังไงต่อดี?
    มาถึงขั้นนี้ก็ร่วมหอเลยจะดีกว่า ฮาาาาาาา

    ตอบลบ