วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

[Fanfiction #รองแปด] Since Then -00-

Since Then 00


Pairing : จางฟู่กวาน X ฉีเถียจุ่ย


Note : ติดซีรีย์และกาวคู่นี้มากมายเลยข่ะ ดำเนินเนื้อเรื่องของคู่นี้ตามซีรีย์เก้าสกุลนะคะ แต่เฉพาะคู่นี้ค่ะ ของพ่อพระไม่ตรงแน่ๆ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

ชื่อตัวละครได้มาจากแท็กในทวิตนะคะ 
ชื่อรองผู้การเราให้เครดิตแด่คุณ  (https://twitter.com/kirahime_iero/status/751349426333949953) เต็มๆเลยค่ะ ขออนุญาตมาไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ

ป.ล. กาวเต็มเรื่องมากมายเลยค่ะ.... 



เนื้อหาเกี่ยวกับ ชาย ชาย นะคะ ถ้าไม่ชอบแนะนำให้กดออกไปเลยค่ะ 






--------------------------------------------------------------------------------



เสียงของดาบและสิ่งของที่ดูหนักตกกระทบลงกับพื้น ทำให้นายทหารทั้งหลายที่รออยู่ด้านนอกอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเสียงการต่อสู้ภายในสำนักต่อสู้ที่เจ้าของเป็นชาวญี่ปุ่นนั้นจบลง



"ฟู่กวาน เอายังไงดีครับ" นายทหารชั้นผู้น้อยถามร่างสูงที่ใส่เครื่องแบบในยศสูงกว่าตรงหน้าอย่างจางรื่อซาน หรือที่ทุกคนเรียกว่ารองผู้การจาง เด็กหนุ่มที่เพิ่งดูอายุอานามไม่เท่าไหร่ แต่กลับได้เป็นเสมือนมือขวาของพ่อพระแห่งฉางซาแล้ว 



"เข้าไป!!" เสียงนั้นเอ่ยสั่งพร้อมกับตนเองที่ก้าวเดินเข้าไปก่อน ซึ่งถึงแม้ว่าคำสั่งนี้จะเป็นการขัดคำสั่งผู้เป็นนายก็ตามที 



"ฝอเหยีย!" เสียงเรียกจากเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาพร้อมกับการวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นนายที่มีเลือดไหลออกมาจากร่างกายบางส่วน ไม่ได้ทำให้พวกตนรู้สึกกังวลเท่าซากศพบริเวณโดยรอบที่มีจำนวนมาก ถึงแม้ว่าพวกตนจะตระหนักดีถึงความสามารถของผู้เป็นนาย แต่ก็ไม่คิดว่าจะกวาดล้างได้ภายในเวลาไม่กี่สิบนาที



"ไม่เป็นไร..ไปดูเขา" เสียงนั้นเอ่ยอย่างแหบพร่าและดูเหนื่อยอย่างมาก แต่กระนั้นแผ่นหลังกว้างก็ยังคงยืดตรงเฉกเช่นเคย 



คำสั่งนั้นเองที่ทำให้รองผู้การรีบวิ่งไปดูชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่ร สิ่งนั้นเองที่ทำให้ฟู่กวานอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมาว่าบุคคลคนนี้คือผู้ใด เพราะนอกจากเจ้าของชื่อของฮวาตั๋นคนงามแห่งฉางซากับท่านปั้นเจี่ยหลี่แล้ว ตนก็ไม่รับรู้ว่าผู้เป็นนายสนิทชิดเชื้อกับใครอีก



มีเพียงแค่ตอนบ่ายที่ตนรับหน้าที่เดินตรวจความเรียบร้อยแล้วก็มีคนแจ้งประสงค์จะพบพ่อพระ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าบุคคลผู้นั้นคือใคร ถึงทำให้พ่อพระต้องรีบออกมาช่วยคนตรงหน้าขนาดนี้...
เขาเริ่มเกิดความใคร่รู้แล้วว่าบุคคลตรงหน้านั้น คือใครกันแน่... 




.


.


.


.




"ไปตามปาเหยียมา...." เสียงของผู้เป็นนายเอ่ยสั่งการ เมื่อเห็นท่าทางรถไฟที่ตนกำลังสำรวจอยู่นั้นมีความน่าสงสัย



"ครับ!" รองผู้การตอบรับ พลางเดินออกจากขบวนรถไฟปริศนานี่ ก่อนจะต้องขยับยิ้มบางๆเมื่อพบว่าคนที่ตนต้องไปตามตัวนั้นมาอยู่ที่บริเวณชานชาลาแล้ว 



ท่าทางหวาดกลัวของอีกฝ่าย ทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำออกมา 



ทั้งๆที่เป็นถึงหนึ่งในเก้าสกุลที่ในสมัยก่อนนั้นมีชื่อเสียงด้านลงกรวย แถมฐานะของอีกฝ่ายยังเป็นถึงหมอดูทำนายทายทักผู้มีชื่อเสียงอย่างฉีเถียจุ่ย



"ฝากบอกผู้การที ว่าทางบ้านของฉันเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย ฉันต้องรีบกลับไป" เจ้าของเสียงที่เป็นชายหนุ่มในชุดบัณฑิต ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นถูกบดบังด้วยกรอบแว่นอันใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้านั้นดูแก่เรียนเลยซักนิด กลับยิ่งทำให้ใบหน้านั้นน่ามองมากขึ้นอีกต่างหาก



"ปาเหยีย" เสียงของนายทหารชั้นผู้น้อยที่ถูกไหว้วาน ดังขึ้นกับเสียงเรียกของรองผู้การจาง ก่อนที่เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาจะเดินออกไปพร้อมรอยยิ้ม 



"ปาเหยีย ท่านเป็นยอดเซียนผู้โดดเดี่ยว อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัว แล้วปัญหาจากทางบ้านของท่านจะมาจากที่ใดกัน" นายทหารเอ่ยถามอยากหยอกเย้า นั่นเองที่ทำให้เจ้าบ้านแปดหันมามองขวับ 



"ฟู่กวาน! นี่นาย!!" เจ้าของแว่นหนากลมเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจนัก พร้อมสาวเท้าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว "นายพูดอะไรของนาย" พูดจบนิ้วเรียวก็ชี้มาตรงหน้าของนายทหารซะแล้ว "คนอย่างนายนี่มัน...." 



ยิ่งเห็นอีกฝ่ายโวยวายนั้นยิ่งทำให้รองผู้การยิ้มอย่างขบขันอีกครั้ง ก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฎที่มุมปาก "พ่อพระสั่งมาว่า...ถ้าเจ้าหมอดูกล้าออกไปจากสถานีเพียงก้าวเดียว....เขาจะยิงให้ดับเลย" คนพูดจงใจเว้นระยะคำเพื่อให้อีกฝ่ายตื่นตระหนกและดูเหมือนว่าจะได้ผลดีซะด้วย 



ใบหน้าหล่อก้มลงน้อยๆก่อนที่รอยยิ้มที่ท่านแปดแสนจะหมั่นไส้จะฝุดขึ้นมาอีกครั้ง "ท่านก็รู้อยู่แล้ว ว่าพ่อพระเป็นคนอย่างไร อย่าสร้างปัญหาหรือความยุ่งยากให้ผมเลย..." นั่นเองที่ทำให้ดวงตากลมโตต้องหันมามองอย่างไม่พอใจ "ไหนๆก็มาถึงแล้ว เข้าไปซักหน่อย จะเป็นไรไป" 



"ฉันจะบอกให้นะ..." ฉีเถียจุ่ยขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับเสียงพูดที่เบาลง "ฉันไม่ได้อยากมาเองซักหน่อย ถ้าไม่ใช่ว่าพ่อพระขอร้องมานะ แค่หน้าบ้านข้าก็จะไม่ออกมา!"



คำตอบที่ได้ฟังทำให้นายทหารหนุ่มต้องยิ้มออกมาอีกครั้ง เจ้าของรอยยิ้มนั้นก่อนที่จะจับหมวกของตนเองเบาๆ "ปาเหยีย ขอร้องล่ะครับ" พูดพร้อมกับผายมือไปอีกฝั่ง



และนั่นเองที่ทำให้คนที่ถูกขอร้องจากทั้งผู้การใหญ่และรองผู้การต้องเดินฮึดฮัดเข้าไปรถไฟที่แสนน่ากลัวนี้อย่างช่วยไม่ได้ 




.

.


.


.



ท่ามกลางบรรยากาศอันมืดสลัวของขบวนรถไฟปริศนา ทำให้เจ้าบ้านแปดอดไม่ได้ที่จะก้าวเท้าอย่างระวังตัว แต่กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะอุ่นใจขึ้นมา เมื่อพบว่าด้านหลังของตนยังมีนายทหารหนุ่มเดินตาม ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะขี้แกล้งไปหน่อย.แต่ฝีมือคงไม่ธรรมดา เพราะดูท่าทางแล้วอายุเพียงเท่านี้แต่เป็นถึงรองผู้การแห่งฉางซาได้นั้น คงต้องแกร่งพอตัว...ไม่สิ...ต้องแกร่งมาก....



ถึงแม้ว่าจะอุ่นใจขึ้นนิดหนึ่ง แต่หมอดูก็ไม่ได้ลดความหวาดระแวงลงเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากสภาวะบรรยากาศรอบตัวนั้นดูน่าพิศวงเกินไป 



ตู้รถไฟบ้าบอที่ไหนกันจะมีโรงศพและฝุ่นเยอะขนาดนี้....



แค่ฝุ่นยังไม่พอ ยังพวกหยากไย่แมงมุมนั่นอีก! ก่อนหน้านี้ไอ้พวกชาวญี่ปุ่นอยู่บนรถไฟกันได้ยังไงฮ่ะ! หยากไย่เยอะกันขนาดนี้ หรือว่าชาติที่แล้วเกิดเป็นแมงมุมกัน!!



นัยน์ตากลมโตลอบสังเกตมองข้างๆพลันเจอโรงศพจำนวนมาก ถูกระบุด้วยตัวเลข 45 



ท่าทางของคนขี้กลัวนั้นอยู่ในสายตาของจางฟู่กวานตลอดเวลา นั่นเองที่ทำให้ท่านรองหลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง 



ทั้งๆที่ค้าขายกับของเก่า ทำไมถึงมีท่าทางหวาดระแสงเช่นนั่นเล่า ปาเหยีย 



"สี่สิบห้า..." ก่อนที่เจ้าของเสียงจะหันไปมองอีกทาง "สี่สิบห้า" พลันสายตาดันมองลอดผ่านกรอบแว่นหนาไปพบซากศพที่กองอยู่จึงสะดุ้งและดูเหมือนว่าสองเท้าจะไวกว่าความคิดเพราะร่างกายนั้นเตรียมหันหลังหนีเรียบร้อยแล้ว



หมับ...



และนายทหารหนุ่มก็จับเข้าที่ข้อมือทันที



“ปาเหยีย..." คนจับเรียกด้วยเสียงติดจะขำเล็กๆ "ฝอเหยียรอท่านอยู่ข้างหน้านั่น" พลางผายมือไปทางข้างหน้าและขยับยิ้มกว้าง จนคนจ้องมองรู้สึกว่าอยากจะเอากระดานทำนายฟาดหัวอีกฝ่ายให้ตายจริงๆ



"ปล่อยน่า!!" เถียจุ่ยสะบัดมือที่จับอยู่ออก "ของอย่างนี้ฉันเห็นมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว!" คนพูดบอกพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย "นะ...นะนะนาย ถ้าไม่มีธุระที่นี่แล้ว ก็ไปที่อื่นไป" 



คำเอ่ยไล่ที่ไม่ทำให้คนฟังรู้สึกโกรธอีกทั้งยังคงรักษารอยยิ้มนั้นไว้ได้ ก่อนที่ท่านรองจางจะผายมือไปทางเดิมอีกครั้ง 



"เชิญครับ" เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าทีไม่พอใจเดินไปยังทางที่เจ้านายของตนอยู่แล้ว ฟู่กวานจึงเดินหมุนไปอีกทางิเพื่อเตรียมสิ่งจำเป็นให้เจ้านายของตนต่อทันที




.


.


.


.




"เหยีย....ปาเหยีย..." เสียงทุ้มต่ำขยับเรียกใกล้เจ้าของร่างที่กำลังสะลึมสะลืออยู่บนเตียง 



แม้ว่าจะถูกช่วยเหลือมาไว้แล้ว แต่อาการก็ดูเหมือนว่ายังไม่ห่างจากแม่น้ำเหลืองมากนัก...



"รื่อซาน เหล่าปาเป็นอย่างไรบ้าง" ผู้เป็นนายเอ่ยถามรองผู้การของตนที่ตอนนี้ต้องมารับหน้าที่จำเป็นในการดูแลคนป่วย เนื่องจากจะให้ทหารนายอื่นมาดูก็คิดว่าคงดูแลสหายของตนไม่ดีเท่าคนตรับหน้า 



"ยังไม่ฟื้นเลยครับ ฝอเหยีย" จางรื่อซานหรือรองผู้การจางตอบ ซึ่งคนฟังก็เพียงพยักหน้ารับ 



"เขาฟื้นมาเมื่อไหร่ก็แจ้งข้าด้วยแล้วกัน" พ่อพระใหญ่จางเอ่ยก่อนจะเดินออกไปคล้ายจะดูไม่ห่วงอีกฝ่ายเท่าที่ขั้นถึงต้องบุกเข้าไปช่วยเท่าไหร่นัก  



"ครับ" เสียงตอบรับถูกส่งออกไป พร้อมกับการหันมาดูแลคนที่ยังไม่ฟื้นต่อ 



หลังจากเหตุการณ์ต่อสู้เมื่อสองสามวันก่อนนั้น เขาก็ได้ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นถึงหนึ่งในเก้าสกุลแห่งฉางซา ถึงแม้จะเป็นเพียงสกุลล่าง แต่ก็มีชื่อเสียงในด้านการทำนายทายทักไม่น้อย 



แต่ที่เขาสงสัยใคร่รู้คือ ใครต่อใครต่างกล่าวว่าสกุลบนอย่างฝอเหยียไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับสกุลล่างมากนักไม่ใช่หรือ



แต่กระนั้นทำไมยังบุกไปเสี่ยงช่วยคนจากสกุลระนาบตรงหน้ากันล่ะ



และแน่นอนว่ามันยังคงเป็นคำถามที่ยังคาใจจางรื่อซานอยู่เหนื่องๆ




---------------------------------------2BC--------------------------------------------

เจอกันอีกครั้งเมื่อเราว่างในตอนหน้านะคะ 

1 ความคิดเห็น:

  1. ชอบความขี้หยอกของตาฟู่กวาน นี่เห็นคนใช้ชื่อทวิตว่า "ฟู่กวานอย่าแกล้งข้า" ยังฟินเลย555555555555555บ่งบอกนิสับตาฟู่กวานที่มีต่อปาเหยียได้ดีมั่กๆ



    ชอบจัง การพบกันครั้งแรกถึงจะไม่ค่อยสวย(เพราะปาเหยียโดนซ้อม)แต่ดูโรแมนติกมาก ฟู่กวานดูแลอย่างดี -///-

    ตอบลบ