Since Then 00
Pairing : จางฟู่กวาน X ฉีเถียจุ่ย
Note : ติดซีรีย์และกาวคู่นี้มากมายเลยข่ะ ดำเนินเนื้อเรื่องของคู่นี้ตามซีรีย์เก้าสกุลนะคะ แต่เฉพาะคู่นี้ค่ะ ของพ่อพระไม่ตรงแน่ๆ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕
ชื่อตัวละครได้มาจากแท็กในทวิตนะคะ
ชื่อรองผู้การเราให้เครดิตแด่คุณ @kirahime_iero (https://twitter.com/kirahime_iero/status/751349426333949953) เต็มๆเลยค่ะ ขออนุญาตมาไว้นะที่นี้ด้วยนะคะ
ป.ล. กาวเต็มเรื่องมากมายเลยค่ะ....
เนื้อหาเกี่ยวกับ ชาย X ชาย นะคะ ถ้าไม่ชอบแนะนำให้กดออกไปเลยค่ะ
--------------------------------------------------------------------------------
เสียงของดาบและสิ่งของที่ดูหนักตกกระทบลงกับพื้น
ทำให้นายทหารทั้งหลายที่รออยู่ด้านนอกอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากเสียงการต่อสู้ภายในสำนักต่อสู้ที่เจ้าของเป็นชาวญี่ปุ่นนั้นจบลง
"ฟู่กวาน เอายังไงดีครับ"
นายทหารชั้นผู้น้อยถามร่างสูงที่ใส่เครื่องแบบในยศสูงกว่าตรงหน้าอย่างจางรื่อซาน
หรือที่ทุกคนเรียกว่ารองผู้การจาง เด็กหนุ่มที่เพิ่งดูอายุอานามไม่เท่าไหร่
แต่กลับได้เป็นเสมือนมือขวาของพ่อพระแห่งฉางซาแล้ว
"เข้าไป!!" เสียงนั้นเอ่ยสั่งพร้อมกับตนเองที่ก้าวเดินเข้าไปก่อน
ซึ่งถึงแม้ว่าคำสั่งนี้จะเป็นการขัดคำสั่งผู้เป็นนายก็ตามที
"ฝอเหยีย!"
เสียงเรียกจากเหล่าทหารใต้บังคับบัญชาพร้อมกับการวิ่งเข้าไปหาผู้เป็นนายที่มีเลือดไหลออกมาจากร่างกายบางส่วน
ไม่ได้ทำให้พวกตนรู้สึกกังวลเท่าซากศพบริเวณโดยรอบที่มีจำนวนมาก
ถึงแม้ว่าพวกตนจะตระหนักดีถึงความสามารถของผู้เป็นนาย
แต่ก็ไม่คิดว่าจะกวาดล้างได้ภายในเวลาไม่กี่สิบนาที
"ไม่เป็นไร..ไปดูเขา"
เสียงนั้นเอ่ยอย่างแหบพร่าและดูเหนื่อยอย่างมาก
แต่กระนั้นแผ่นหลังกว้างก็ยังคงยืดตรงเฉกเช่นเคย
คำสั่งนั้นเองที่ทำให้รองผู้การรีบวิ่งไปดูชายหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่ร
สิ่งนั้นเองที่ทำให้ฟู่กวานอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมาว่าบุคคลคนนี้คือผู้ใด
เพราะนอกจากเจ้าของชื่อของฮวาตั๋นคนงามแห่งฉางซากับท่านปั้นเจี่ยหลี่แล้ว
ตนก็ไม่รับรู้ว่าผู้เป็นนายสนิทชิดเชื้อกับใครอีก
มีเพียงแค่ตอนบ่ายที่ตนรับหน้าที่เดินตรวจความเรียบร้อยแล้วก็มีคนแจ้งประสงค์จะพบพ่อพระ
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าบุคคลผู้นั้นคือใคร
ถึงทำให้พ่อพระต้องรีบออกมาช่วยคนตรงหน้าขนาดนี้...
เขาเริ่มเกิดความใคร่รู้แล้วว่าบุคคลตรงหน้านั้น คือใครกันแน่...
.
.
.
.
"ไปตามปาเหยียมา...." เสียงของผู้เป็นนายเอ่ยสั่งการ
เมื่อเห็นท่าทางรถไฟที่ตนกำลังสำรวจอยู่นั้นมีความน่าสงสัย
"ครับ!" รองผู้การตอบรับ
พลางเดินออกจากขบวนรถไฟปริศนานี่ ก่อนจะต้องขยับยิ้มบางๆเมื่อพบว่าคนที่ตนต้องไปตามตัวนั้นมาอยู่ที่บริเวณชานชาลาแล้ว
ท่าทางหวาดกลัวของอีกฝ่าย ทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำออกมา
ทั้งๆที่เป็นถึงหนึ่งในเก้าสกุลที่ในสมัยก่อนนั้นมีชื่อเสียงด้านลงกรวย
แถมฐานะของอีกฝ่ายยังเป็นถึงหมอดูทำนายทายทักผู้มีชื่อเสียงอย่างฉีเถียจุ่ย
"ฝากบอกผู้การที
ว่าทางบ้านของฉันเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย ฉันต้องรีบกลับไป" เจ้าของเสียงที่เป็นชายหนุ่มในชุดบัณฑิต
ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นถูกบดบังด้วยกรอบแว่นอันใหญ่
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใบหน้านั้นดูแก่เรียนเลยซักนิด
กลับยิ่งทำให้ใบหน้านั้นน่ามองมากขึ้นอีกต่างหาก
"ปาเหยีย"
เสียงของนายทหารชั้นผู้น้อยที่ถูกไหว้วาน ดังขึ้นกับเสียงเรียกของรองผู้การจาง ก่อนที่เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาจะเดินออกไปพร้อมรอยยิ้ม
"ปาเหยีย ท่านเป็นยอดเซียนผู้โดดเดี่ยว
อยู่ตัวคนเดียว ไม่มีครอบครัว แล้วปัญหาจากทางบ้านของท่านจะมาจากที่ใดกัน"
นายทหารเอ่ยถามอยากหยอกเย้า นั่นเองที่ทำให้เจ้าบ้านแปดหันมามองขวับ
"ฟู่กวาน! นี่นาย!!" เจ้าของแว่นหนากลมเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
พร้อมสาวเท้าเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว "นายพูดอะไรของนาย"
พูดจบนิ้วเรียวก็ชี้มาตรงหน้าของนายทหารซะแล้ว "คนอย่างนายนี่มัน...."
ยิ่งเห็นอีกฝ่ายโวยวายนั้นยิ่งทำให้รองผู้การยิ้มอย่างขบขันอีกครั้ง
ก่อนที่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์จะปรากฎที่มุมปาก
"พ่อพระสั่งมาว่า...ถ้าเจ้าหมอดูกล้าออกไปจากสถานีเพียงก้าวเดียว....เขาจะยิงให้ดับเลย"
คนพูดจงใจเว้นระยะคำเพื่อให้อีกฝ่ายตื่นตระหนกและดูเหมือนว่าจะได้ผลดีซะด้วย
ใบหน้าหล่อก้มลงน้อยๆก่อนที่รอยยิ้มที่ท่านแปดแสนจะหมั่นไส้จะฝุดขึ้นมาอีกครั้ง
"ท่านก็รู้อยู่แล้ว ว่าพ่อพระเป็นคนอย่างไร
อย่าสร้างปัญหาหรือความยุ่งยากให้ผมเลย..."
นั่นเองที่ทำให้ดวงตากลมโตต้องหันมามองอย่างไม่พอใจ "ไหนๆก็มาถึงแล้ว
เข้าไปซักหน่อย จะเป็นไรไป"
"ฉันจะบอกให้นะ..."
ฉีเถียจุ่ยขยับเข้ามาใกล้พร้อมกับเสียงพูดที่เบาลง "ฉันไม่ได้อยากมาเองซักหน่อย
ถ้าไม่ใช่ว่าพ่อพระขอร้องมานะ แค่หน้าบ้านข้าก็จะไม่ออกมา!"
คำตอบที่ได้ฟังทำให้นายทหารหนุ่มต้องยิ้มออกมาอีกครั้ง
เจ้าของรอยยิ้มนั้นก่อนที่จะจับหมวกของตนเองเบาๆ "ปาเหยีย
ขอร้องล่ะครับ" พูดพร้อมกับผายมือไปอีกฝั่ง
และนั่นเองที่ทำให้คนที่ถูกขอร้องจากทั้งผู้การใหญ่และรองผู้การต้องเดินฮึดฮัดเข้าไปรถไฟที่แสนน่ากลัวนี้อย่างช่วยไม่ได้
.
.
.
.
ท่ามกลางบรรยากาศอันมืดสลัวของขบวนรถไฟปริศนา
ทำให้เจ้าบ้านแปดอดไม่ได้ที่จะก้าวเท้าอย่างระวังตัว แต่กระนั้นก็อดไม่ได้ที่จะอุ่นใจขึ้นมา
เมื่อพบว่าด้านหลังของตนยังมีนายทหารหนุ่มเดินตาม
ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะขี้แกล้งไปหน่อย.แต่ฝีมือคงไม่ธรรมดา
เพราะดูท่าทางแล้วอายุเพียงเท่านี้แต่เป็นถึงรองผู้การแห่งฉางซาได้นั้น
คงต้องแกร่งพอตัว...ไม่สิ...ต้องแกร่งมาก....
ถึงแม้ว่าจะอุ่นใจขึ้นนิดหนึ่ง แต่หมอดูก็ไม่ได้ลดความหวาดระแวงลงเลยแม้แต่น้อย
เนื่องจากสภาวะบรรยากาศรอบตัวนั้นดูน่าพิศวงเกินไป
ตู้รถไฟบ้าบอที่ไหนกันจะมีโรงศพและฝุ่นเยอะขนาดนี้....
แค่ฝุ่นยังไม่พอ ยังพวกหยากไย่แมงมุมนั่นอีก!
ก่อนหน้านี้ไอ้พวกชาวญี่ปุ่นอยู่บนรถไฟกันได้ยังไงฮ่ะ! หยากไย่เยอะกันขนาดนี้
หรือว่าชาติที่แล้วเกิดเป็นแมงมุมกัน!!
นัยน์ตากลมโตลอบสังเกตมองข้างๆพลันเจอโรงศพจำนวนมาก ถูกระบุด้วยตัวเลข
(45)
ท่าทางของคนขี้กลัวนั้นอยู่ในสายตาของจางฟู่กวานตลอดเวลา
นั่นเองที่ทำให้ท่านรองหลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง
ทั้งๆที่ค้าขายกับของเก่า ทำไมถึงมีท่าทางหวาดระแสงเช่นนั่นเล่า
ปาเหยีย
"สี่สิบห้า..."
ก่อนที่เจ้าของเสียงจะหันไปมองอีกทาง "สี่สิบห้า"
พลันสายตาดันมองลอดผ่านกรอบแว่นหนาไปพบซากศพที่กองอยู่จึงสะดุ้งและดูเหมือนว่าสองเท้าจะไวกว่าความคิดเพราะร่างกายนั้นเตรียมหันหลังหนีเรียบร้อยแล้ว
หมับ...
และนายทหารหนุ่มก็จับเข้าที่ข้อมือทันที
“ปาเหยีย..." คนจับเรียกด้วยเสียงติดจะขำเล็กๆ
"ฝอเหยียรอท่านอยู่ข้างหน้านั่น"
พลางผายมือไปทางข้างหน้าและขยับยิ้มกว้าง
จนคนจ้องมองรู้สึกว่าอยากจะเอากระดานทำนายฟาดหัวอีกฝ่ายให้ตายจริงๆ
"ปล่อยน่า!!" เถียจุ่ยสะบัดมือที่จับอยู่ออก
"ของอย่างนี้ฉันเห็นมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบแล้ว!"
คนพูดบอกพลางเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย "นะ...นะนะนาย ถ้าไม่มีธุระที่นี่แล้ว
ก็ไปที่อื่นไป"
คำเอ่ยไล่ที่ไม่ทำให้คนฟังรู้สึกโกรธอีกทั้งยังคงรักษารอยยิ้มนั้นไว้ได้
ก่อนที่ท่านรองจางจะผายมือไปทางเดิมอีกครั้ง
"เชิญครับ"
เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าทีไม่พอใจเดินไปยังทางที่เจ้านายของตนอยู่แล้ว
ฟู่กวานจึงเดินหมุนไปอีกทางิเพื่อเตรียมสิ่งจำเป็นให้เจ้านายของตนต่อทันที
.
.
.
.
"เหยีย....ปาเหยีย..."
เสียงทุ้มต่ำขยับเรียกใกล้เจ้าของร่างที่กำลังสะลึมสะลืออยู่บนเตียง
แม้ว่าจะถูกช่วยเหลือมาไว้แล้ว
แต่อาการก็ดูเหมือนว่ายังไม่ห่างจากแม่น้ำเหลืองมากนัก...
"รื่อซาน เหล่าปาเป็นอย่างไรบ้าง"
ผู้เป็นนายเอ่ยถามรองผู้การของตนที่ตอนนี้ต้องมารับหน้าที่จำเป็นในการดูแลคนป่วย
เนื่องจากจะให้ทหารนายอื่นมาดูก็คิดว่าคงดูแลสหายของตนไม่ดีเท่าคนตรับหน้า
"ยังไม่ฟื้นเลยครับ ฝอเหยีย"
จางรื่อซานหรือรองผู้การจางตอบ ซึ่งคนฟังก็เพียงพยักหน้ารับ
"เขาฟื้นมาเมื่อไหร่ก็แจ้งข้าด้วยแล้วกัน"
พ่อพระใหญ่จางเอ่ยก่อนจะเดินออกไปคล้ายจะดูไม่ห่วงอีกฝ่ายเท่าที่ขั้นถึงต้องบุกเข้าไปช่วยเท่าไหร่นัก
"ครับ" เสียงตอบรับถูกส่งออกไป
พร้อมกับการหันมาดูแลคนที่ยังไม่ฟื้นต่อ
หลังจากเหตุการณ์ต่อสู้เมื่อสองสามวันก่อนนั้น
เขาก็ได้ทราบว่าอีกฝ่ายเป็นถึงหนึ่งในเก้าสกุลแห่งฉางซา ถึงแม้จะเป็นเพียงสกุลล่าง
แต่ก็มีชื่อเสียงในด้านการทำนายทายทักไม่น้อย
แต่ที่เขาสงสัยใคร่รู้คือ
ใครต่อใครต่างกล่าวว่าสกุลบนอย่างฝอเหยียไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับสกุลล่างมากนักไม่ใช่หรือ?
แต่กระนั้นทำไมยังบุกไปเสี่ยงช่วยคนจากสกุลระนาบตรงหน้ากันล่ะ?
และแน่นอนว่ามันยังคงเป็นคำถามที่ยังคาใจจางรื่อซานอยู่เหนื่องๆ
เจอกันอีกครั้งเมื่อเราว่างในตอนหน้านะคะ
ชอบความขี้หยอกของตาฟู่กวาน นี่เห็นคนใช้ชื่อทวิตว่า "ฟู่กวานอย่าแกล้งข้า" ยังฟินเลย555555555555555บ่งบอกนิสับตาฟู่กวานที่มีต่อปาเหยียได้ดีมั่กๆ
ตอบลบชอบจัง การพบกันครั้งแรกถึงจะไม่ค่อยสวย(เพราะปาเหยียโดนซ้อม)แต่ดูโรแมนติกมาก ฟู่กวานดูแลอย่างดี -///-